วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

Youtube คืออะไร






Youtube คืออะไร

เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี โดยนำเทคโนโลยีของ Adobe Flash มาใช้ในการแสดงภาพวิดีโอ ซึ่งยูทูบมีนโนบายไม่ให้อัปโหลดคลิปที่มีภาพโป๊เปลือยและคลิปที่มีลิขสิทธิ์ นอกเสียจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้อัปโหลดเอง
เมื่อสมัครสมาชิกแล้วผู้ ใช้จะสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป แบ่งปันภาพวิดีโอให้คนอื่นดูด้วย แต่หากไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถเข้าไปเปิดดูภาพวิดีโอที่ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใส่ไว้ใน Youtube ได้ แม้จะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน (youtube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) Youtube เติบโตอย่างรวดเร็วมาก เป็นที่รู้จักันแพร่หลายและได้รับความนิยมทั่วโลก ต่อมาปี ค.ศ.2006 กูเกิ้ลซื้อยูทูบ ตอนนี้ยูทูบจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิ้ลแล้ว

YouTube ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 โดยมี ชาร์ต เฮอร์ลีย์, สตีฟ เฉิน และ จาเวด การิม ร่วมมือกันบุกเบิกบริการแชร์วิดีโอออนไลน์ขึ้นมา ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ที่เมืองซานบรูโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

จุดเริ่มต้นของ YouTube ที่ทำให้ได้รับความนิยมและกลายมาเป็นที่รู้จักมากขึ้น เกิดจากคลิปวิดีโอ Lazy Sunday ที่มาจากรายการสด “Saturday Night ” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBC ทำให้ชื่อเสียงเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว จนทำให้สถานีโทรทัศน์ NBC ขอให้ YouTube ย้ายคลิปวิดีโอรายการซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ NBC รวมทั้ง Lazy Sunday และคลิปโอลิมปิค 2006 ออกจากเว็บไซต์ของ YouTube โดยด่วน

ต่อมากระแสความดังของ YouTube ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ทำให้สถานีโทรทัศน์ NBC หันกลับมองเห็นประโยชน์ของ YouTube อีกครั้ง โดยมีข้อตกลงร่วมกันที่จะให้สถานีโทรทัศน์ NBC เผยแพร่ตัวอย่างคลิปรายการของ YouTube ส่วนเว็บไซต์ YouTube ก็จะนำตัวอย่างรายการของ NBC แสดงทางเว็บไซต์เพื่อเป็นการโฆษณารายการไปในตัวด้วย ทำให้กระแสของ YouTube จากเดิมที่เป็นเพียงเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับความนิยม ได้กลายมาเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก YouTube ทำให้กระแสความนิยมในเรื่องคลิปวิดีโอมาแรง และอาจทำให้ความต้องการของผู้ใช้ต่อธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นด้วย

เนื้อหาของ YouTube ประกอบด้วย คลิปวิดีโอ ที่ให้บริการรับชมกันผ่านหน้าเว็บฟรี ไม่เสียเงิน โดยคลิปวิดีโอส่วนใหญ่จะมาจากทางบ้าน หรือใครๆ ที่ต้องการโชว์ความสามารถต่างๆ ของตนเองก็สามารถอัพโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นสู่หน้าเว็บได้

YouTube ใช้ระบบในการให้บริการโดยใช้โปรแกรม Adobe Flash เรียบเรียงเนื้อหาบนเว็บไซต์ รวมไปถึงไฟล์วิดีโอตัวอย่าง ไฟล์หนังละคร มิวสิควิดีโอ และวิดีโอจากทางบ้าน โดยไฟล์วิดีโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ส่วนมากเป็นเพียงไฟล์คลิปสั้นๆ เท่านั้น ความยาวเพียงไม่กี่นาที ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าชมได้ง่าย โดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับไฟล์คลิปวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ล่าสุด ไฟล์ที่มีผู้ชมมากที่สุด ไฟล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกชมได้อย่างสะดวก เพื่อเลือกสิ่งที่พอใจสูงสุด และยังมีบริการที่สามารถดูวิดีโอได้ทีละเฟรม โดยเลือกดูส่วนใดๆ ของวิดีโอก็ได้

ปัจจุบัน บริษัท กูเกิล ได้ทุ่มเงิน 1.65 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อเว็บไซต์แชร์ไฟล์วิดีโอชื่อดัง ยูทูบดอทคอม (http://www.youtube.com)


ประโยชน์ของ Youtube




ประโยชน์ของ Youtube คือ เป็นห้องสมุดสื่อดิจิตอลที่มีทั้งภาพและเสียงที่มีข้อมูลมากมาย ที่สำคัญไฟล์ภาพและเสียงเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นไฟล์ภาพและเสียงที่ authentic คือมีความสมจริง (มีการตัดต่อ แต่งเติมบ้าง)

เนื่องจากใน Youtube มีไฟล์มากมาย เราจึงต้องเลือกว่าจะใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร อย่างแรกเลยคือการค้น หรือ search ใช้คำค้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เราต้องการฝึกเรื่องของการออกเสียง หรือ pronuncation เราก็จะใข้คำค้นว่า "pronunciation" จากการค้นหาไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับ "pronunciation" เราก็จะได้ลิสต์รายการ vdo clip ที่เกี่ยวข้องกับ pronunciation มากมาย

แต่ถ้าต้องการกรอบให้การค้นของเราละเอียดมากขึ้นเราอาจใช้คำค้นว่า "English Pronunciation" ก็ได้ ซึ่งจะทำให้รายการค้นแคบลงมาอีก

และหนึ่งในรายการค้น english pronunciation เราก็จะได้ไฟล์ vdo สอนการออกเสียง Daily Pronunciation จากเวบ http://www.sozoexchange.com ซึ่งน่าสนใจมากเวบนี้

ตัวอย่างเช่น ไฟล์ vdo ที่หยิบมาเป็นตัวอย่างสอนการออกเสียงคำว่า "fascinating" ถามว่า เราจะได้อะไรจากการดู vdo clip อันนี้ ตอบได้เลย
1. เสียงการออกเสียงจริงจากเจ้าของภาษา
2. เทคนิคการออกเสียงภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าการออกเสียงภาษาอังกฤษในปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ อังกฤษ-อังกฤษ หรือ อังกฤษ-อเมริกัน หรือ อังกฤษแบบไทย หรือ ฯลฯ แต่เทคนิคนี้จะสอนให้เราได้เห็นวิธีการบังคับใช้ ริมฝีปาก (lips) ฟัน (teeth) ลิ้น (tongue) กราม (jar) และ กล้ามเนื้อใบหน้า (face muscle) ซึ่งสำคัญมากต่อการออกเสียงภาษาอังกฤษให้ชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากลักษณะของการออกเสียงในภาษาไทย เช่น การบังคับใช้ริมฝีปากและลิ้นในการออกเสียง ซึ่งเสียงภาษาอังกฤษบางเสียงต้องใช้ แต่ภาษาไทยไม่ต้องใช้ เราจึงไม่คุ้นเคยกับการใช้อวัยวะการออกเสียงดังกล่าว
3. ได้ฝึกฟัง เพราะผู้สอนจะอธิบายความหมายของคำศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ (definition)
4. ได้เห็นตัวอย่างการใช้คำศัพท์จากประโยคตัวอย่าง (word in example sentence or word in context)
5. ได้ความตื่นเต้นกระตุ้นการเรียนรู้จากสื่อ digital multimedia
6. ได้รู้แหล่งข้อมูลที่เราจะแวะมาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ที่เราต้องการ ทุกที่ทุกเวลาที่สามารถเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตได้
7. สำคัญที่สุด ฟรี!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น